October 2, 2008

ความรักในสายฝน

ช่วงนี้เข้าสู่ปลายฤดูฝนแล้ว สายฝนก็โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
ฉันเกลียดท้องฟ้าที่เป็นสีเทา มีเมฆดำซึ่งลอยคล้อยต่ำปกคลุม
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเหงาปนเศร้าอย่างไม่มีสาเหตุ
คุณเต๋อ เรวัติได้เปรียบความรักไว้เฉกเช่นสายฝนที่เย็นฉ่ำ
แต่สำหรับฉันกลับมองว่าความรักเหมือนสายฝนที่ทำให้เราเปียกโชกจนหนาวเหน็บและเป็นไข้
ถึงแม้ว่าเราจะป้องกันด้วยร่ม ฝนนั้นก็ยังทำให้เราเปียกได้เช่นกัน
เมื่อแรกรักหัวใจมักชุ่มฉ่ำไปด้วยความสุขเหมือนการออกไปวิ่งเล่นกลางสายฝน
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เนื้อตัวที่ชุ่มโชกด้วยน้ำฝนก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความหนาว
ผลสุดท้ายเราก็ต้องทนทรมานจากพิษไข้

อีกอย่างของความเหมือนระหว่างความรักและสายฝนสำหรับฉันก็คือ
ทั้งฝนและความรักมันเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา
ใครจะไปรู้เดินอยู่ดี ๆ ฝนก็เทลงมาใส่เสียอย่างนั้น
เหมือนกับความรักที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้นมาในใจของเราอย่างไม่ทันรู้ตัว
กว่าจะตั้งตัวกับทั้งความรักและสายฝนที่ถาโถมเข้าใส่ เราก็เปียกโชกเสียแล้ว
ยิ่งเปียกมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น
บางครั้งเวลาที่เห็นสายฝนที่พรั่งพรมลงมาจากฟ้า ฉันก็นึกอยากจะออกไปวิ่งเล่นเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
แต่ฉันกลัวความหนาว...ความหนาวที่อาจจะทำให้ฉันไม่สบาย
มันไม่สนุกหรอกที่จะต้องนอนซมเพราะพิษไข้จากความหนาวเหน็บนั้น
แม้ฉันจะระวังตัวจากทั้งความรักและสายฝนอย่างดีแล้ว แต่ฉันก็ยังเปียก
และตอนนี้พิษไข้ยังคงหลงเหลืออยู่เล็กน้อย (จะหายดีในไม่ช้า)
มันเป็นฝนที่เทใส่ฉันอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเปียกโชก
ความเย็นฉ่ำในตอนแรกทำเอาเคลิ้ม ปล่อยตัวเองเล่นสนุกเสียอยู่พักใหญ่สุดท้ายก็..ป่วย

ถึงแม้จะกลัวฝนแต่ฉันก็ยังอยากที่จะออกไปวิ่งเล่น (-*-)
ก็ในเมื่อเราอยู่ใต้ฟ้า และฝนนั้นยากจะคาดเดา
จะให้เอาแต่หลบอยู่ในร่ม ดูคนอื่นวิ่งเล่นกลางสายฝนได้อย่างไร
การจมอยู่กับความกลัวในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้มันน่าหัวเราะจะตายไป
ฉันจะสนุกกลับสายฝนโดยที่ตัวฉันไม่เปียก...หยิบเสื้อกันฝน...วิ่งออกไป
...แล้วสนุกกับความเย็นชุ่มฉ่ำ ความเย็นที่พอดีไม่ทำให้เราหนาว...
ถ้ามีฝีมือเรื่องเขียนเนื้อเพลงสักหน่อยล่ะก็ ฉันจะลองแต่งเพลงแก้ให้คุณเต๋อ
ชื่อเพลงว่า...เจ้าสาวในเสื้อกันฝน...