April 24, 2010

ก็แค่กระดาษบาด

“ถ้าเขาไม่รักผมแล้ว ทำไมเขายังเก็บรูปผมไว้ในห้องนอนวะพี่ ?”
การเป็นศิราณีให้รุ่นน้องคนนี้ ทำให้ฉันเห็นตัวเองเมื่อ 2 ปีก่อน
“เป็นแฟนไม่ได้ ก็เป็นเพื่อนแทนดิ่วะ”
“ก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนนี่หว่า เพื่อนผมมีเยอะแล้ว !” (="=)
คำตอบแบบนี้ไม่แตกต่างจากตัวฉันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ก็เรื่องอะไรต้องไปเป็นเพื่อนกับคนที่ทำให้เราเสียใจล่ะ
โดนลืมยังจะดีเสียกว่า โดนเปลี่ยนจากแฟนมาเป็นเพื่อน
เพราะอย่างน้อยเมื่อนึกถึงภาพความทรงจำเก่า ๆ ก็ยังเป็นภาพที่สวยงาม

แต่เมื่อเวลาบรรเทาความเจ็บปวด ช่วยลบเลือนความโกรธแค้น
และชำระล้างความรักครั้งนั้นออกไปจากใจ
ฉันกลับไม่อยากเอาความเสียใจและความโกรธแค้นเพียงแค่ไม่กี่ปี
มาแทนที่ช่วงเวลาดี ๆ กว่า 5 ปีซึ่งเคยได้มีร่วมกันมา
วันนี้ฉันเลือกที่จะสานต่อมิตรภาพซึ่งมันจะยั่งยืนกว่าครั้งที่คบหากันฉันท์แฟน

เกือบ 2 ชั่วโมงที่ได้คุยกันแม้จะทดแทนกับที่ฉันถูกลืมไปเกือบ 2 ปีไม่ได้
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้ว่าบาดแผลได้ถูกเยียวยาจนหายดีแล้ว
เพราะใจที่เคยเต้นรัวทุกครั้งที่ได้ยินเสียง ตอนนี้มันกลับสงบเหลือเกิน
เพราะความรู้สึกดีใจทุกครั้งที่เขาโทรมา ตอนนี้กลับว่างเปล่า ไม่มีทั้งดีใจหรือเสียใจ
ความเจ็บปวดที่เคยทำให้ร้องไห้ ความรักมากมายที่เคยมีให้
มันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเองก็ไม่ทันสังเกตุ

เหมือนภาพข้างหน้าเริ่มชัดเจนหลังคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นมากมาย
ในเมื่อความทรงจำกว่า 5 ปีมันฝังลึกเกินกว่าจะลบลืมไปได้
ฉันเลือกที่จะอยู่กับมัน และนึกถึงมันอย่างมีความสุข
ยิ่งสุขขึ้นไปอีก เมื่อสามารถแชร์วันเก่า ๆ เหล่านั้นกับคน'เคย'รักได้
การอภัยได้ปลดปล่อยฉันจากความเจ็บ ความเสียใจ และความโกรธเคือง

คงไม่ง่ายหากจะบอกให้มองแผลอกหักเป็นแผลกระดาษบาด
แต่ถ้าหากรวมความเจ็บจากความถี่ระหว่างแผลอกหักกับแผลกระดาษบาดได้
เราคงเจ็บจากอย่างหลังมากกว่าหลายเท่า เพราะแม้จะระมัดระวังเท่าไร
มือของเราก็มักจะมีรอยเลือดซิบ ๆ เพราะกระดาษบาดอยู่บ่อย ๆ
ครั้งไหนโดนบาดลึก เลือดก็ออกเยอะ ต้องทนแสบเวลาโดนน้ำอยู่หลายวัน
แต่สุดท้ายแผลก็จะค่อย ๆ สมาน และหายไป ไม่ทิ้งไว้แม้แต่รอย
ไม่ต่างไปจากแผลอกหัก ที่หากตัวเราเองไม่ไปพยายามบีบคั้นให้แผลช้ำ
ไม่นานแผลที่ใจเราก็จะค่อย ๆ รักษาตัวเองจนหายไปในที่สุด