“ขออีกสัก 10 หรือ 5 นาทีก็ยังดี ให้ตายสิ่ ขอฉันนอนอีกนิดไม่ได้หรือไง!”
ฉันว่าใครหลาย ๆ คนคงจะเคยบ่นอะไรเกี่ยวกับเวลาเทือก ๆ นี้กันมาบ้างอย่างแน่นอน -- บ้างก็อยากจะหยุดเวลาไม่ให้เดิน บ้างก็อยากจะเร่งให้เวลาเดินเร็ว ๆ บ้างก็อยากจะดึงให้เวลาเดินช้าลง หรือบ้างก็อยากให้มีเวลาเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงเวลาก็ยังมีจังหวะการเดินและจำนวนในแต่ละวินาทีเท่าเดิม
ฉันเคยลองคิดเล่น ๆ มันคงจะดีหากฉันสามารถควบคุมเวลาได้ ~ เวลาเช้าฉันจะขอหยุดเวลานอนต่ออีก
สักวันละ 5 นาที เวลาที่ทำงานเหนื่อยจะขอหยุดเวลาพักเครียดสัก 10 นาที เวลากำลังสนุกอยู่กับเพื่อนจะ
ให้เวลาเดินช้าลงหน่อย หรือให้เวลาในช่วงวันหยุดมีเพิ่มขึ้นสักเท่าตัวนึง ! O_o หากฉันทำแบบนั้นโลก
ก็คงจะวุ่นวายพิลึกคุณว่ามั๊ย ?
แต่การที่เวลายังคงเดินไปตามจังหวะที่คงที่ของมัน ก็มากำหนดให้ชีวิตเราต้องเดินหน้าตามมันไปด้วย
ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนกับการที่เราวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้านะ เมื่อลู่เริ่มหมุนเราก็ต้องเริ่มวิ่ง ถ้าไม่วิ่งก็จะตกลู่ ซึ่งหากทรงตัวได้ไม่ดีก็จะหกล้มบาดเจ็บได้ เวลาก็เป็นเสมือนลู่วิ่งไฟฟ้านี่แหละเพียงแต่เราปรับให้มันหมุนเร็ว
หรือช้าลงตามใจเราไม่ได้ ซึ่งมันก็เป็นความยากที่เราจะต้องวิ่งไปให้ทันกับเวลาที่หมุนไป และเราก็ไม่สามารถกดปุ่มหยุดเวลาที่เราเหนื่อยอยากจะพักได้ วิ่งนานเข้าก็จะเหนื่อย แต่หากจะหยุดแล้วมองดูเวลา
เดินหน้าต่อไป การจะกลับขึ้นไปวิ่งบนลู่เวลานี้ต่อก็อาจจะยากเสียหน่อยเพราะจังหวะการวิ่งที่ไม่สอดคล้องกับจังหวะการเดิน ของเวลาจะทำให้เราเสียจังหวะ เสียการทรงตัว...หกล้มลงได้
เพราะฉะนั้นสำหรับฉันเวลาจึงเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งต่อการดำเนินชีวิตของฉันทั้งชีวิตเลยทีเดียว
ฉันต้องตั้งหลักให้ดี รักษาจังหวะการวิ่งให้ดีเพื่อไม่ให้เหนื่อยเร็วจนเกินไป หรือเสียการทรงตัวจนล้มลงไป ไอ้เรื่องเหนื่อยเนี่ยมันต้องมีแน่ ๆ ใครจะไปวิ่งทันเวลาได้ตลอดล่ะ...หรือใครคนนั้นก็คงไม่ใช่ฉัน เพียงแต่
ฉันไม่อยากให้ตัวเองเหนื่อยเร็วเกินไป หรือเหนื่อยที่จะวิ่งตามเวลามากเกินไป และฉันก็ไม่อยากล้มลงระหว่างวิ่งตามเวลาด้วย ที่ผ่านมาฉันก็มีเซ ๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังพอกลับมาวิ่งตามทันจังหวะของเวลาได้ไหว ฉันคิดว่าหากได้วิ่งไปจนชินกับจังหวะแล้ว ฉันก็น่าจะรับมือกับเวลาที่ยังคงมุ่งหน้าเดินอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
นี้ได้ไม่ยากเย็นมากมายนัก
แต่ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าเวลาซึ่งเป็นสิ่งมีค่าและอยู่เหนือการควบคุมแล้วก็เถอะ ชีวิตที่ผ่านมาฉันก็สูญเสียเวลาอันมีค่าไปไม่ใช่น้อย
ฉันรู้สึกเสียใจอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไม ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ฉันถึงไม่ทำอะไรให้มันคุ้มค่ากับเวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีนะ
และบ่อยครั้งที่ฉันมารู้สึกตัวช้าเกินไป...โอกาสที่จะทำบางสิ่งบางอย่างหลุดลอยไป...เหลือไว้เพียงความเสียใจ--ความเจ็บใจที่ต้องนั่งมองโอกาสห่างจากไปไกลทุกที ๆ ปล่อยให้ฉันจมอยู่กับคำว่า “หากเพียงแต่ฉันจะย้อนเวลากลับไปได้”
ฉันเสียเวลาในแต่ละวัน--มากบ้างน้อยบ้างตามอารมณ์--หมกมุ่นอยู่กับประโยคนี้ คิดทบทวนย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ฉันปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสิ้นเปลืองทำสิ่งที่ไม่ควรทำ และจินตนาการว่าหากย้อนกลับไปได้ฉันจะทำทุกอย่างให้คุ้มค่ากับทุกวินาที...แต่เพราะฉันย้อนเวลากลับไปไม่ได้...ไม่มีใครทำได้...นี่ล่ะที่เจ็บปวด Y____Y
ฟังดูเหมือนกับฉันกำลังวิ่งไปข้างหน้าแต่หันหัวมองกลับหลังอยู่เลยนะ ด้วยเหตุนี่แหละมั๊ง ที่ทำให้ฉันต้องเซระหว่างการวิ่งตามเวลาอยู่บ่อย ๆ การจะควบคุมตังเองให้มองไปข้างหน้าขณะวิ่งอย่างเดียวนั้น สำหรับฉันมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกินที่ผ่านมาที่ฉันทำได้คือบังคับให้หันกลับไปมองข้างหลังน้อยที่สุด...
นอกจากจะเป็นนักเดินทางที่ไม่เอาไหนแล้ว ฉันยังเป็นนักวิ่งที่ไม่เอาอ่าวอีกด้วย...