คุณเคยหกล้มไหม ? แล้วทุกวันนี้ยังเหลือร่องรอยบาดแผลบ้างไหม ?
ที่หัวเข่าด้านขวาของฉันมีแผลเป็นจาง ๆ ถือเป็นแผลหกล้มแผลใหญ่ที่สุดในชีวิต
ฉันจำทุกอย่างได้แม่นเกี่ยวกับแผลนี้ ที่แม้ว่าจะผ่านมานานหลายสิบปี
ฉันก็ยังจำได้ว่ามันเกิดขึ้นเวลาเย็นหลังเลิกเรียน หน้าร้านขายน้ำในโรงเรียนประถม
ฉันวิ่งไล่กวดเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนานไม่ทันระวังใบไม้ชื้น ๆ ที่ร่วงหล่นทั่วสนาม
พลันพลาดท่าลื่นสไลด์ไปกันพื้นปูนอันขรุขระ ได้แผลยาวไปทั้งขาขวา
เมื่อมานั่งนึกตอนนี้ ฉันก็มักขำในความซุกซนครั้งยังเยาว์วัยของตัวเอง
แต่ตอนนั้นก็ขำไม่ออกหรอก เพราะทันทีที่เห็นว่าเลือดเริ่มไหลอกมาเยอะ
ใจก็แป้ว น้ำตาก็เอ่อ นั่งร้องไห้มันอยู่ตรงนั้นแหละ
หลังจากนั้นฉันจะรู้สึกขยาด ๆ และระวังก้าวย่างเป็นพิเศษเมื่อเดินผ่านจุดเกิดเหตุนั้น
โตมา...ฉันยังคงหกล้มบ้างเป็นครั้งคราว ได้แผลถลอกเลือดซิบ ๆ บ้าง...แต่ไม่ร้องไห้
อาจเป็นเพราะฉันเรียนรู้ที่จะชินกับความเจ็บ ทนมันได้มากขึ้นเมื่ออายุมมากขึ้น
และในทางเดียวกันก็เรียนรู้ที่จะระมัดระวังมากขึ้น ความถี่ในการหกล้มและได้แผลจึงลดลง
"แ ผ ล" ไม่ได้ทำให้เรากลัวที่จะหกล้ม หากแต่ทำให้เราระวัง
ระวังไม่ให้ล้ม หรือถ้าจะล้มก็ไม่ให้เกิดบาดแผลที่หนักหนาสาหัส
"แ ผ ล" ไม่ได้ทำให้เรากลัวเจ็บ หากแต่สอนให้เรารับมือกับควาามเจ็บเป็น
เมื่อเลือดไหล เราก็ต้องล้างแผล หมั่นใส่ยาจนแผลตกสะเก็ด และหลุดลอกไปจนหมด
"แ ผ ล" คือบทเรียน...ให้เราได้จดจำ
No comments:
Post a Comment